ห้องภาพดีเจจ๊ะเอ๋บ้านผือ

นายไพรวัลย์ คันธี พร้อม อสม คณะกรรมการชุมชนบ้านศรีสะอาดหมู่10 ตำบลบ้านผืออำเภอบ้านผือจังหวัดอุดรธานีบุญข้าวสาก เป็นประเพณีการทำบุญที่จัดขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับ


วันเสารืที่10กันยายน2565นายไพรวัลย์ ธันธี พร้อม อสม คณะกรรมการชุมชนบ้านศรีสะอาดหมู่10 ตำบลบ้านผืออำเภอบ้านผือจังหวัดอุดรธานีบุญข้าวสาก เป็นประเพณีการทำบุญที่จัดขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว



บุญข้าวสาก เป็นประเพณีการทำบุญที่จัดขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว และเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับสัตว์นรกหรือเปรต
นิยมทำในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 เป็นประจำทุกปีของประเพณีสิบสองเดือน หรือ "ฮิตสิบสอง” (ฮีต มาจากคำว่า จารีต ฮีตสิบสอง คือ จารีตประเพณีสิบสองเดือน) ของชาวอีสาน






สำหรับข้าวเม่า ข้าพอง และข้าวตอกนั้น จะคลุกเข้ากันโดยใส่น้ำอ้อย น้ำตาล ถั่วงา มะพร้าว ให้เป็นข้าวสาก (ข้าวกระยาสารท) แต่บางท้องถิ่นไม่นำข้าเม่า ข้าพอง และข้าวตอก มาคลุกเข้าด้วยกัน คงแยกไปทำบุญเป็นอย่าง ๆ เมื่อเตรียมสิ่งของทำบุญเรียบร้อย แล้ว ชาวบ้านจะเอาข้าวปลาอาหารที่มีอยู่ไปส่งญาติพี่น้องและผู้รักใครีนับถือ อาจส่งก่อนวันทำบุญหรือส่งในวันทำบุญเลยก็ได้ สิ่งของเหล่านี้มักแลกเปลี่ยนกัน ไปมา ระหว่างญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เรือนเคียง ถือว่าเป็นการได้บุญ
เมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนสิบ ตอนเช้า ชาวบ้าน จะพากันนำอาหารคาวหวานต่าง ๆ ไปทำบุญตักบาตร ที่วัด โดยพร้อมเพรียงกัน และถวายทานอุทิศส่วนกุศล ให้ญาติมิตรผู้ล่วงลับไปแล้ว
ตอนสาย ชาวบ้านจะนำข้าวปลาอาหารที่เตรียมไว้ เป็นข้าวสาก ไปวัดอีกครั้งหนึ่ง เอาอาหารต่าง ๆ จัดเป็น สำหรับหรือชุดสำหรับถวายทาน หรือถวายเป็นสลากภัต โดยจัดใส่ภาชนะต่าง ๆ แล้วแต่ความนิยม ของแต่ละท้องถิ่น บางแห่งจัดใส่ถ้วยหรือบางแห่งใช้ทำ เป็นห่อทำเป็นกระทงด้วยใบตองกล้วย หรือกระดาษ แต่ละบ้านจะจัดทำสักกี่ชุดก็ได้ตามศรัทธา ก่อนที่จะถวาย ข้าวสากแด่พระภิกษุสามเณร จะกล่าวคำถวายข้าวสาก หรือสลากภัตพร้อมกัน
เมื่อเสร็จพิธีถวายข้าวสากแล้ว ช้าวบ้านที่ไปร่วมพิธี ยังนิยมเอาชะลอมหรือห่อข้าวสากไปวางไว้ตามที่ต่าง ๆ ในบริเวณวัด พร้อมจุดเทียนและบอกกล่าวให้ญาติ หรือเปรตผู้ล่วงลับไปแล้วมารับเอาอาหารต่าง ๆ ที่วางไว้ และขอให้มารับส่วนกุศลที่ทำบุญอุทิศไปให้ด้วย (ผู้จัดทำ ก็เคยทำสมัยเป็นเด็กกับมารดา)
ภายหลังจากการถวายข้าวสากแด่พระภิกษุสามเณร และนำอาหารไปวางไว้ตามบริเวณวัดเสร็จแล้ว ก็มีการฟังเทศน์ฉลองข้าวสาก และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล ไปให้เปรตและญาติผู้ล่วงลับไปแล้วด้วย นอกจากนี้ ผู้ที่มีนา จะนำข้าวสากไปเลี้ยง "ตาแฮก” ที่นาของตน เพื่อให้ตาแฮกรักษานาและให้ข้าวกล้าอุดมสมบูรณ์ เป็นเสร็จพิธีทำบุญข้าวสาก
แหล่งข้อมูล
ความเป็นมาของ ประเพณีบุญข้าวสาก (บุญเดือนสิบ)

 


 



 
 
 
 อุดรธานี ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลวันเฉลิมพระชนมพรรษาในหลวง
  ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี  นำพสกนิกรชาวจังหวัดอุดรธานีทุกหมู่เหล่าทำบุญตักบาตรพระสงฆ์และสามเณร จำนวน  71 รูป



 รูป เพื่อถวายพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2565  
  วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 ที่ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 หน้าศาลากลางจังหวัดอุดรธานี  นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา






 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 โดยมีพระธรรมวิมลมุนี เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี(ม) / เจ้าอาวาสวัดมัชฌิมาวาส  พระอารามหลวง เป็นประธานสงฆ์ ได้นำพระสงฆ์และสามเณร จำนวน 71 รูปออกรับบิณฑบาต ข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารคาวหวาน จากพี่น้องประชาชน ที่พร้อมใจกันนำมาทำบุญตักบาตร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2565
   ................  
ทีมข่าวส.ปชส.อด.   
ศรีภูมิ  ทองใหญ่ ณ อยุธยา  ข่าว/ภาพ

วันที่ 24 พฤษภาคม 2565 เมื่อเวลา 10.00 น.นายวิมล สุระเสน นายอำเภอบ้านผือ  ออกตรวจติดตามสถานการณ์น้ำตามลำห้วยสายหลักในเขตพื้นที่อำเภอบ้านผือ
 
 












 ได้แก่ลำห้วยโมง และลำห้วยน้ำวน เพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยอันเนื่องมาจากฝนตกสะสมจากการตรวจพบว่า -สถานการณ์น้ำในลำห้วยอยู่ในเกณฑ์ปกติ 


 


การไหลของน้ำคล่องตัว แจ้งกำชับให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวมถึงกำนันผู้ใหญ่บ้านให้เฝ้าระวังเหตุอุกภัยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ประชาชนสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง 

🙏ดูคลิป วีดีโอ

👇 

 

 


 

 


 


ประชุมคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.)













 

วันพุธที่  11 พฤษภาคม 2565เมื่อเวลา 13.30 น.นายวิมล สุระเสน นายอำเภอบ้านผือ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) เพื่อซักซ้อมแนวทางการดำเนินงาน  และการประเมินผลงาน พชอ. 5 ประเด็น ภายใต้โครงการ “หมู่บ้านน่าอยู่ วิถี พชอ.” ดังนี้

 1.การควบคุมป้องกันและเฝ้าระวังโรคโควิด-19

 2.การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน

 3.การควบคุม ป้องกัน แก้ไขปัญหา "ไข้เลือดออก"

 4.การป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด

 5. ปรับภูมิทัศน์หมู่บ้าน

  โดยมี คณะกรรมการ พชอ. นายประจวบศักดิ์ อารมณ์ ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านผือ พร้อมด้วยสาธารณสุขอำเภอ ผอ.รพ.สต.ทุกแห่ง และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกหมู่บ้าน ประธาน อสม.ทุกหมู่บ้าน เข้าร่วมประชุม

  ณ หอประชุมบริบาลภูมิเขตต์ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี


ข่าวแนะนำ


อนุมัติให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากโรคลัมปีสกีน
วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม 2565 เมื่อเวลา 13.30 น. นายวิมล สุระเสน นายอำเภอบ้านผือ  เป็นประธานประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติระดับอำเภอบ้านผือ ( ก.ช.ภ.อ.) เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจากโรคลัมปีสกิน ตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2564


 

อนุมัติให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากโรคลัมปีสกีน

 ซึ่งมีเกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 ราย  ได้แก่  1. นางนงพงา พิลากุล ม. 7 ต.โนนทอง วงเงิน 13,000 บาท 2. นางณาฏินี ศิริบรรพต  ม. 10 ต.หายโศก วงเงิน 22,000 บาท โดยมี นายประจวบศักดิ์ อารมณ์ ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านผือ พร้อมด้วยปศุสัตว์อำเภอ, เกษตรอำเภอ, ประมงอำเภอ, สัสดีอำเภอ, ปลัดอำเภอ, นายก ทต.กลางใหญ่ และนายก อบต.หายโศก เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมอุสา-บารส ชั้น2 ที่ว่าการอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี

 
 

ข่าวแนะนำ

 
วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม 2565เมื่อ เวลา 09.30 ถึงเวลา 11.30 นอ  นายวิมล สุระเสน นายอำเภอบ้านผือ พร้อมด้วยปลัดอาสุโสอำเภอบ้านผือ

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม 2565เมื่อ เวลา 09.30 ถึงเวลา 11.30 นอ  นายวิมล สุระเสน นายอำเภอบ้านผือ พร้อมด้วยปลัดอาสุโสอำเภอบ้านผือ  ปลัดอำเภอ และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี เขตอำเภอบ้านผือ ได้ออกเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบถุงยังชีพ พร้อมของใช้ที่จำเป็น เบื้องต้น จำนวน 38 ชุด ช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบวาตภัยจากเหตุลมพายุพัดเมื่อ



 

 วันที่ 29 เมษายน 2565 เวลา 03.30 นอ ในพื้นที่ 4 ตำบล ได้แก่ตำบลเมืองพาน ตำบลจำปาโมง ตำบลบ้านผือ และตำบลหายโศก  มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 38 ครัวเรือน ซึ่งทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดำเนินการสำรวจความเสียหายและอยู่ระหว่างเบิกจ่ายงบประมาณช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการแล้ว   โดยมี ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมดำเนินการ

 

ข่าวแนะนำ

 

 



สาวผาตั้ง กลับมาเยี่ยมบ้าน โชคร้ายฝนตกถนนลื่น รถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า เจ็บ 5 เสียชีวิต 1 ราย

วันนี้ (30 เม.ย. 65) เวลา 06.40 น. พ.ต.ต.เนติพงษ์ จำนงนิตย์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย รับแจ้งอุบัติเหตุรถเก๋งชนเสาไฟฟ้า บนถนนมิตรภาพ (ท่าบ่อ-หนองสองห้อง) ฝั่งขาเข้าอำเภอท่าบ่อ บริเวณบ้านเดื่อ หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บและมีผู้เสียชีวิต หลังรับแจ้งได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย แพทย์เวรจากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ ,หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ ,หน่วยกู้ชีพองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเดื่อ ,หน่วยกู้ภัยร่วมใจอำเภอท่าบ่อ, หน่วยกู้ภัย 191 ,หน่วยกู้ภัยร่วมศรัทธาเวียงคุก, หน่วยกู้ภัยประจักษ์ ,หน่วยกู้ภัยประจักษ์จุดอำเภอโพธิ์ตาก พร้อมนำอุปกรณ์เครื่องตัดถ่างเนื่องจากมีผู้ที่ติดอยู่ภายในรถ

ที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง ยี่ห้อมาสด้า สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 8876 ฉะเชิงเทรา ชนอยู่กับเสาไฟฟ้าแรงสูง โดยสภาพด้านหน้ารถได้รับความเสียหาย ภายในรถมีผู้บาดเจ็บทั้งหมดภายในรถ 5 คน ทราบชื่อคือ 

1.นางสาวฐิติมา ภูสมศรี อายุ 34 ปี ที่อยู่ 164 หมู่ 5 ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง (คนขับ)

2.นางสาวบัวแก้ว บุปผาลา อายุ 34 ปี ที่อยู่ 167 หมู่ที่ 5 ตำบลคำด้วง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง ที่ต้นขาซ้ายบวมช้ำ

3.นางสมจิตร์ ภูสมศรี อายุ 57 ปี ที่อยู่ 164 หมู่ที่ 5 ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย มีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง

4.ด.ช.ภาคิน ภูสมศรี อายุ 1 ปี 8 เดือน ที่อยู่  164 หมู่ที่ 5 ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ร่างกายได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง เบื้องต้นแพทย์ตรวจสอบพบได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำเข้าห้องฉุกเฉินในทันที

5.ด.ญ.อายุประมาณ 6 ปี (ไม่ทราบชื่อนามสกุล) ได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายแห่ง 

6.นายอดิศร ต๊ะหล้า อายุ 26 ปี ที่อยู่ 65/11 ตำบลหนองไผ่แก้ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี (เสียชีวิต) โดยมีแผลฉีกขาดที่บริเวณหน้าผากและขาซ้าย เสียชีวิตบริเวณเบาะข้างผู้ขับขี่ โดยร่างถูกบีบอัดจากแรงกระแทกติดอยู่ภายในรถเจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างออกมา


สอบถามนางสาวฐิติมา ภูสมศรี ผู้ขับขี่ทราบว่าตนเดินทางพร้อมครอบครัวมาจากจังหวัดชลบุรีเพื่อเดินทางกลับบ้านที่บ้านห้วยไซงัว ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย พอมาถึงที่เกิดเหตุจู่ๆรถได้เกิดเสียหลัก ลงข้างทางก่อนพุ่งชนที่เสาไฟฟ้า โดยทุกคนภายในรถบางคนก็หลับ ส่วนผู้เสียชีวิตคือนายอดิศร นั่งหลับอยู่ข้างๆตน ขณะที่ชนถูกแรงกระแทกอย่างรุนแรงทำให้เสียชีวิต ส่วนตนคาดเข็มขัดนิรภัยทำให้ได้รับบาดเจ็บไม่มาก


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจที่เกิดเหตุอย่างละเอียด โดยสันนิษฐานสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุน่าจะมาจากสภาพถนนที่ลื่นเนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักคืนที่ผ่านมาทำให้รถเสียการควบคุม ซึ่งจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.

 

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง


กระบะขนกะหล่ำปลี ทำช่องลับ ยัดแรงงานพม่าอัดแน่นรถ หวิดขาดอากาศหายใจ

ตำรวจ สภ.พบพระ จังหวัดตาก สกัดจับรถกระบะคอกขนกะหล่ำปลี 2 คัน ดัดแปลงช่องลับ ซุกแรงงานชาวพม่า สภาพอัดแน่น หวิดขาดอากาศหายใจ

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 27 เมษายน 2565 พ.ต.อ.โอภาส คงเมือง รอง ผบก.ภ.จว.ตาก พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผกก.สภ.พบพระ สนธิกำลังฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ร่วมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัดตรวจค้นยานพาหนะที่จุดตรวจความมั่นคงบ้านห้วยนกแล ถนนสายแม่สอด-อุ้มผาง หมู่ที่ 9 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เพื่อสกัดตรวจจับการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย

โดยเวลาต่อมา ได้มีรถยนต์กระบะจำนวนสองคันบรรทุกกะหล่ำปลี มาจนล้นคันรถ และขับติดตามกันมาด้วยความเร็วสูง จากอำเภอพบพระ มุ่งหน้าไปอำเภอแม่สอด และรถยนต์บรรทุกผักทั้งสองคันกำลังจะขับผ่านจุดตรวจบ้านห้วยนกแล เขตอำเภอพบพระ เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้รถทั้งสองคันหยุดเพื่อขอตรวจสอบ โดยการตรวจรถยนต์คันแรกเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิซิ สีขาว หมายเลขทะเบียน ผค-6490 เพชรบูรณ์ ด้านหลังรถบรรทุกกะหล่ำปลีมาจนล้นคัน โดยมีผ้าใบสีดำคลุมอย่างมิดชิดโดยมีนายกฤษณ ทองมาก อายุ 25 ปี และนางสาวปริญญา หงส์ทอง อายุ 26 ปี นั่งโดยสารมาด้วย โดยทั้งสองมีอาการส่อพิรุธ เหงื่อแตกตัวสั่นแบบผิดสังเกต เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวลงจากรถพร้อมเข้าตรวจภายในกระบะรถ และพบช่องลับขนาดเล็ก ตรวจพบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย สัญชาติเมียนมา จำนวน 7 คน นั่งเบียดเสียดกันในสภาพเหงื่อแตกจากอากาศหายใจที่มีน้อย

 

ส่วนรถยนต์กระบะอีกคัน เป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ผฉ-8782 นครสวรรค์ ด้านหลังบรรทุกกะหล่ำปลีมาจนเต็มคันรถ และมีผ้าใบปิดคลุมอย่างมิดชิด โดยมีนายสำเริง ทองมาก อายุ 56 ปีเป็นคนขับ และเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจที่ด้านท้ายกระบะรถ พบช่องลับพิเศษ ตรวจพบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายสัญชาติเมียนมา จำนวน 7 คน ซึ่งอยู่สภาพไม่แตกต่างกับรถคันแรก เจ้าหน้าที่จึงรีบช่วยเหลือนำตัวแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายทั้ง 14 คนที่กำลังหายใจยากลำบาก เนื่องจากหลบซ่อนตัวอยู่ในที่แคบและอยู่กับอากาศร้อนเป็นเวลานานออกจากช่องลับของรถยนต์ทั้งสองคัน พร้อมให้ความช่วยเหลือ มอบน้ำดื่มและนำตัวไปในพื้นที่อากาศที่ถ่ายเทจนแรงงานทั้ง 14 คนมีสภาพอาการที่ดีขึ้น ก่อนเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวแรงงานทั้งหมดและคนขับรถ พร้อมรถยนต์ของกลางนำไปสอบสวนขยายผลที่ สภ.พบพระ จังหวัดตาก

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสำเริง คนขับรถที่ถูกตรวจจับ ยอมรับเป็นคนขับรถขนแรงงานต่างด้าวจริง โดยรับแรงงานต่างด้าวทั้งหมดมาจากชายแดนอำเภอแม่สอด และนำมาหลบซ่อนตัวในช่องลับรถยนต์ที่ดัดแปลงมาเป็นพิเศษและนำกะหล่ำปลีไปวางทับอำพรางหลายชั้นแล้วคลุมผ้าใบสีดำอำพรางอีกชั้นอย่างแน่นหนา เพื่อให้ยากต่อการรื้อค้นตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ และได้รับค่าจ้างในการขนเที่ยวละ 6,000 บาท โดยจะส่งแรงงานชุดนี้ลงที่ตัวจังหวัดตาก จากนั้นจะมีกลุ่มขบวนการมารับขนส่งต่อไปอีกทอดหนึ่ง แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน

ส่วนแรงงานทั้งหมดต้องจ่ายค่านายหน้าเป็นเงินสูงถึงคนละ 30,000 บาท โดยมีจุดหมายปลายทางที่หัวเมืองชั้นในรอบกรุงเทพมหานคร

 

ขณะที่ พ.ต.อ.โอภาส คงเมือง รอง ผบก.ภ.จว.ตาก หัวหน้าชุดจับกุมกล่าวว่า การจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายในครั้งนี้ เป็นนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ที่มุ่งเน้นให้ป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจากแนวชายแดนเข้าหัวเมืองชั้นใน ซึ่งผลการจับกุมในครั้งนี้เจ้าหน้าที่คาดว่าทำเป็นขบวนการใหญ่ โดยกลุ่มขบวนการได้ใช้รถยนต์บรรทุกผักอำพราง ซึ่งการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามโดยเฉพาะการสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการกลุ่มนี้มานาน จนสามารถจับกุมได้ยกแก๊ง ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสามคน ซึ่งเป็นคนขับรถนำพาแรงงานผิดกฎหมายในครั้งนี้ไปดำเนินคดีในข้อหาช่วยเหลือซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ส่งตัวดำเนินคดีที่ สภ.พบพระ ส่วนแรงงานต่างด้าวทั้ง 14 คน ส่งตัวไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลการตรวจไม่พบผลแรงงานติดเชื้อโควิด-19 พร้อมส่งตัวไปดำเนินการตามกฎหมายพร้อมเร่งผลักดันออกนอกประเทศต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

 

 

 

{fullwidth}

แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า
ห้องภาพดีเจจ๊ะเอ๋บ้านผือ
ห้องภาพดีเจจ๊ะเอ๋บ้านผือ
ห้องภาพดีเจจ๊ะเอ๋บ้านผือ