ดูคลิป วีดีโอ
วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 พ.ต.อ.กานต์ ตั้งวิจิตร ผกก.สภ.บ้านผือ จิตอาสา 904 รหัส 2-ก112 พร้อมข้าราชการตำรวจ สภ.บ้านผือ ชุดจิตอาสา 10 นาย ดำเนินการตาม “โครงการชุมนุมและมวลชนสัมพันธ์ RTP CYBER VILLAGE” หมู่บ้านนาเจริญ ตำบลจำปาโมง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี โดยได้พบปะผู้นำชุมชน ประชาชน บรรยายให้ความรู้กฎหมายเบื้องต้น การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และร่วมกันพัฒนา ทำความสะอาดทางเข้าหมู่บ้าน ร่วมกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หลังจากคืนที่ผ่านมาเกิดพายุฤดูร้อนชุมชน
วันพฤหัสบดีที่21เมษายน2565เมื่อเวลา12.22น.ได้มีรถ10ล้อพ่วงวิ่งเข้าไปในถนนเส้นกลางทั้งๆที่ป้ายจราจรติดอยู่ที่ปากซอยถนนเส้นกลาง
ป้ายใหญ่เห็นชัดเจนโดยเจ้าหน้าที่สถานีตำตรวจภูธรบ้านผือได้ติดใว้เพื่อไม่ให้รถพวงใช้ถนนเส้นนี้เพราะจะทำให้ถนนเสียหาย
แต่รถพ่วงคันนี้ฝ่าฝืนได้ขับเข้าไปในซอยถนนเส้นกลางตามที่เห็นตามภาพรถพ่วงคันนี้ไม่ไม่สนสายตาชาวชุมชนที่อยู่ในซอยนี้ถนนเส้นกลางเส้นนี้เจ้าหน้าที่สภ.บ้านผือห้ามไม่ให้รถพ่วงเข้าอยู่แล้วแต่รถพ่วงคันดังกล่าวที่เห็นตามภาพจะแก้ไขอย่างไรดีชาวชุมชนเดือดร้อน
วอนคนขับรถพ่วงครั้งต่อไปให้ความร่วมมือด้วยนะครับ เห็นมาบอกไป
ต้องใส่ใจการจราจร
เปิดโทษและค่าปรับ หากขับรถผิดกฎจราจร
- ใช้โทรศัพท์ระหว่างขับรถ ปรับ 400-1,000 บาท
- หยุดรถบนทางเท้า ปรับ 500 บาท
- แซงในเส้นทึบ ปรับ 400-1,000 บาท
- หยุดรถขวางทางแยก ปรับไม่เกิน 500 บาท
- ฝ่าสัญญาณไฟแดง ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
- ท่อแต่งเสียงดัง ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
- ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับไม่เกิน 500 บาท
- ติดไฟนีออนใต้ท้องรถ ติดไว้กับป้ายทะเบียน ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- ขับรถบนทางเท้า ปรับ 400-1,000 บาท
- หยุดรถล้ำเส้นหยุด ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
- ขับรถย้อนศร ปรับไม่เกิน 500 บาท
- จอดรถกีดขวางการจราจร ปรับไม่เกิน 500 บาท
- ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนวางไว้ที่กระจก ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- ใช้ป้ายแดงเกิน 1 เดือน หรือวิ่งระยะทางเกิน 3,000 กิโลเมตร โดยใช้ป้ายแดง ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- แผ่นป้ายทะเบียนปลอม มีความผิดทางอาญา ฟ้องศาล!
- เมาแล้วขับ มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลสามารถสั่งพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบขับขี่และสามารถยึดรถไว้ได้ไม่เกิน 7 วัน
ความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 (รถส่วนบุคคล)
ซึ่งทางการขนส่งทางบก ให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดได้เช่นกัน โดยมีข้อหาการกระทำความผิด ได้แก่
- ดัดแปลงไฟหน้าหรือไฟท้ายรถ ทำให้สีของแสงไฟไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด (ไฟท้ายต้องเป็นสีแดง ไฟเลี้ยวต้องเป็นสีเหลืองอำพัน)
- ดัดแปลงหรือเพิ่มเติมอุปกรณ์ส่วนควบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจผู้อื่น เช่น รถกระบะต่อเติมตัวถัง หรือโครงหลังคาเกิน 3 เมตร
- นำวัสดุอื่นใดมาปิดบังแผ่นป้ายทะเบียน
- แขวนหรือติดตุ๊กตาบดบังแผ่นป้ายทะเบียน
- ทำให้ไม่สามารถมองเห็นตัวอักษรตัวเลข หรือจังหวัดได้ชัดเจน
- แก้ไขหรือดัดแปลงตัวเลขบนแผ่นป้ายทะเบียน เช่น ปิดแผ่นทองบนหมายเลขทะเบียน เพิ่มเติม ตัวเลขบนแผ่นป้ายทะเบียนรถ
- ใช้กรอบแผ่นป้ายลายกราฟิกปิดทับแผ่นป้ายทะเบียน
- ตัดแผ่นป้ายทะเบียนรถ
- แก้ไขดัดแปลงขนาดของล้อรถให้ล้นเกินตัวถัง
- อุปกรณ์ส่วนควบไม่มั่นคงแข็งแรง
วิธีแจ้งเบาะแส รถกระทำความผิด
กรมการขนส่งทางบกดำเนินการตรวจสอบการกระทำความผิดและดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยค่าปรับส่วนแรกนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน เพื่อนำไปพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือจะนำมาจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และมอบให้ผู้แจ้งพฤติการณ์การกระทำความผิด โดยการจ่ายเงินส่วนแบ่งค่าปรับให้ผู้แจ้งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. พฤติการณ์การกระทำความผิดที่แจ้งต้องมีหลักฐานเชิงประจักษ์ครบถ้วน เช่น ภาพหรือคลิปวิดีโอ ต้องบันทึกการกระทำความผิดที่ชัดเจน วันเวลา สถานที่เกิดเหตุ รายละเอียดรถ ทะเบียนรถ และอื่นๆ ให้มากที่สุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ผู้แจ้งต้องระบุชื่อและนามสกุลของผู้แจ้ง ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ ช่องทางการติดต่อ และในกรณีผู้แจ้งประสงค์จะขอรับเงินส่วนแบ่งค่าปรับ ให้ระบุหมายเลขบัญชีธนาคารของผู้แจ้งด้วย โดยข้อมูลของผู้แจ้งจะถูกปกปิดเป็นความลับ
2. ช่องทางในการติดต่อ เมื่อรวบรวมหลักฐานครบถ้วนแล้ว สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1584, Line@ : @1584DLT, Facebook: 1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ, เว็บไซต์ http://ins.dlt.go.th/cmpweb/ หรือ https://www.dlt.go.th/, E-mail: dlt_1584complain@hotmail.com, เดินทางมาร้องเรียนด้วยตนเอง หรือร้องเรียนผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐ “GECC 1111 ทำเนียบรัฐบาล” และ “GECC กรมการขนส่งทางบก”
3. ผู้แจ้งจะได้รับข้อความ SMS ยืนยันการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน
- เปิดโผถนน 25 สายทั่วไทย เหยียบ 120 กม./ชม. ปลายปีนี้
-
ขับเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดีเดย์วันนี้ ช่วง อยุธยา-บางปะอิน
4. กรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการตามกระบวนสืบข้อเท็จจริงตามที่มีผู้แจ้ง โดยเรียกตัวผู้ถูกร้องเรียนมารายงานตัวและสอบสวนจนได้ข้อยุติ
5. การรับเงินส่วนแบ่งจะได้รับภายหลังจากที่ผู้กระทำความผิดได้ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบปรับแล้ว จะมีข้อความ SMS ส่งให้ผู้แจ้งทราบผลการดำเนินการและจะดำเนินการโอนเงินส่วนแบ่งค่าปรับภายใน 15 วันทำการ
อย่างไรก็ตาม ยังมีพฤติกรรมการขับรถอื่นๆ ที่ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 เช่น การขับรถย้อนศร ฝ่าไฟแดง จอดรถในที่ห้ามจอด แซงในเส้นทึบ ไม่ปฎิบัติตามสัญญาณจราจร เป็นต้น ถึงจะแจ้งจับแล้วไม่ได้รับส่วนแบ่ง 50 % แต่เป็นพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้
ข้อมูลจาก กรมการขนส่งทางบก
ขอบคุณ “กรุงเทพมหานคร” นครของ “คน
วันนี้เป็นวันสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีครบรอบ
240 ปี นับแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้มีพระราชพิธียกเสาหลักเมืองขึ้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2325
ท่านผู้อ่านคงทราบแล้วว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดงานใหญ่ขึ้นในชื่องานว่า “ใต้ร่มพระบารมี 240 ปี กรุงรัตนโกสินทร์...น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระมหากษัตริย์แห่งบรมราชจักรีวงศ์” ณ สถานที่สำคัญๆต่างๆรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 20-24 เมษายน ซึ่งผมเองก็เคยเขียนแนะนำไว้แล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน
เพื่อเตือนความทรงจำวันนี้ ผมขอเชิญชวนท่านผู้อ่านอีกครั้งหนึ่งนะครับ...งานยังมีถึงวันอาทิตย์ที่ 24 เมษายนนี้ อย่าลืมแวะไปดื่มด่ำและสัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของกรุงรัตนโกสินทร์ของเราด้วย
นอกจากจะเขียนเชิญชวนท่านผู้อ่านไปเที่ยวงานใหญ่ของกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว ผมยังมีความตั้งใจที่จะใช้โอกาสในวันครบ 240 ปีวันนี้ เขียนขอบพระคุณกรุงรัตนโกสินทร์เป็นการส่วนตัวอีกด้วย
ในฐานะที่มหานครแห่งนี้ได้เปิดโอกาสให้แก่ผมในฐานะราษฎรต่างจังหวัดคนหนึ่ง ซึ่งสมัยนี้ดูเหมือนไม่ไกล...แต่เมื่อ 60 กว่าปีก่อนโน้นไกลมากนะครับ...ผมเคยเดินทางทางเรือ 2 วันเต็มๆ และทางรถไฟ ออกเช้ามาถึงหัวลำโพงคํ่าๆ 1 วันเต็มๆ...จากนครสวรรค์
ขอบคุณที่ได้เข้ามาเรียนหนังสือในมหานครนี้ และต่อมาก็ได้งานทำ มีความเจริญก้าวหน้าตามสมควร และได้อยู่อาศัยในยามชราภาพมีความสุขตามสมควรเช่นเดียวกัน
กล่าวได้ว่ากรุงรัตนโกสินทร์ หรือกรุงเทพมหานคร เป็นนครของคนไทยทุกคน มิใช่นครของคนที่เกิดที่นี่แต่แรกๆเท่านั้น
มาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ รวมทั้ง ฉบับปัจจุบัน จะเริ่มด้วยประโยคที่ว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้”
ซึ่งมีความหมายอย่างแจ่มชัดว่า ราชอาณาจักรไทยของเรานี้เป็นหนึ่งเดียวกัน และเป็นของคนไทยทั้งประเทศร่วมกัน
ครั้นเมื่ออ่านต่อไปถึงมาตรา 36 ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็จะยํ้าไว้อีกว่า คนไทยทุกคนย่อมมีเสรีภาพในการเดินทาง และมีเสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่อาศัยภายในราชอาณาจักร อันหมายถึงว่า เป็นความชอบธรรมของคนไทยที่จะเลือกเดินทางไปปักหลักอยู่อาศัยที่ไหนก็ได้ รวมทั้ง ณ มหานครแห่งนี้
ทำให้กรุงเทพมหานคร ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นนครที่มีความเลิศลํ้าในทุกๆด้าน กลายเป็นเป้าหมายของคนไทยส่วนใหญ่ทั่วประเทศว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องหาโอกาสเดินทางมาเยือนนครนี้...มาเรียนหนังสือที่นี่ มาทำงานที่นี่ และถ้าเป็นไปได้ก็ปักหลักอยู่ที่นี่ในบั้นปลายชีวิต
แม้ในอีกทางหนึ่ง กรุงเทพมหานครจะมีสิ่งร้ายๆซ่อนเร้นอยู่ด้วย ...เป็นสิ่งร้ายที่น่าหวั่นกลัว ถึงขนาดมีการแต่งเพลงสอนใจไว้ว่า “อย่าไปเลยบางกอก” แต่ก็กลับเป็นการท้าทายให้ผู้คนอยากไปมากขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่า จะร้ายจริงเช่นนั้นหรือไม่? เพียงใด?
มองอย่างเป็นธรรม ย้อนหลังกลับไปในช่วงกว่า 60 ปีที่ผมเห็น...แม้จะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นอยู่บ้างสำหรับคนต่างจังหวัดที่เดินทางมาอยู่อาศัย หรือทำมาหากินในกรุงเทพมหานคร
แต่ส่วนใหญ่แล้วจะประสบความสำเร็จมากกว่า ซึ่งจะมีทั้งประสบความสำเร็จถึงขั้นสามารถอยู่อาศัยในมหานครแห่งนี้อย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต...หรือที่มาเก็บเกี่ยวรายได้ส่วนหนึ่งแล้วส่งไปทำนุบำรุงบ้านเดิมในชนบทจนลืมตาอ้าปากได้ ก่อนจะกลับไปอยู่อาศัยในชนบทอย่างเดิม
ผมเชื่อโดยสนิทใจว่า ตลอดระยะเวลา 240 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ได้ทำหน้าที่ในฐานะเมืองหลวงของสยามได้อย่างดียิ่ง
โดยเฉพาะในช่วงที่ผมมีโอกาสเห็นและสัมผัสเป็นเวลากว่า 60 ปี (ตั้งแต่ 2501 เป็นต้นมา) นั้น มหานครแห่งนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างที่ผมคิดและเชื่อทุกประการ
ผมจึงอยากจะขอบคุณกรุงรัตนโกสินทร์แทนพี่น้องชาวไทยที่เคยได้รับประโยชน์จากนครหลวงแห่งนี้ไว้ ณ ที่นี้อีกครั้งหนึ่ง
แน่นอนในฐานะนครใหญ่กรุงรัตนโกสินทร์ จึงยังมีปัญหาต่างๆที่จะต้องแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาอีกมาก...ซึ่งก็คงจะต้องดำเนินการกันต่อไป
แต่สำหรับวันนี้ ขอกล่าวคำว่า “แฮปปี้เบิร์ธเดย์” สุขสันต์วันเกิด 240 ปีนะครับ...มหานคร “แห่งความหวัง” ของคนไทย.
“ซูม”