อนุมัติให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากโรคลัมปีสกีนวันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม 2565 เมื่อเวลา 13.30 น. นายวิมล สุระเสน นายอำเภอบ้านผือ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติระดับอำเภอบ้านผือ ( ก.ช.ภ.อ.) เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจากโรคลัมปีสกิน ตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2564
อนุมัติให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากโรคลัมปีสกีน
ซึ่งมีเกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 ราย ได้แก่ 1. นางนงพงา พิลากุล ม. 7 ต.โนนทอง วงเงิน 13,000 บาท 2. นางณาฏินี ศิริบรรพต ม. 10 ต.หายโศก วงเงิน 22,000 บาท โดยมี นายประจวบศักดิ์ อารมณ์ ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านผือ พร้อมด้วยปศุสัตว์อำเภอ, เกษตรอำเภอ, ประมงอำเภอ, สัสดีอำเภอ, ปลัดอำเภอ, นายก ทต.กลางใหญ่ และนายก อบต.หายโศก เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมอุสา-บารส ชั้น2 ที่ว่าการอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
- การเมืองตามหารผู้ว่า กทม.คนใหม่ (1)
- ข่าวการเมืองชมสด กินข้าวเย็นกับผู้ว่า คุยกับ อัศวิน (1)
- ข่าวการเมือง “ชัชชาติ” ชูดูแลคนไร้บ้าน 5 ด้าน (1)
- ข่าวการเมือง“พรมาลา” ผู้สมัคร ส.ก. (1)
- ข่าวการเมือง รู้จัก สภากรุงเทพมหานคร (1)
- ข่าวการเมืองล้อมวงสนทนา คลายข้อสงสัย กับ "อัศวิน (1)
- ข่าวการเมือง เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แข่งขันสูง (1)
- ข่าวการเมือง หมอชลน่าน ยันฝ่ายค้านจะล้มรัฐฯ (1)
- ข่าวท้องถิ่น นาบอำเภอบ้านผือ ลงพื้ที่ (1)
- ข่าวท้องถิ่น นายอำเภอบ้านผือ ลงพื้นที่เยี่มมอบสิ่งของ (1)
- ข่าวท้องถิ่น mcล้มเอง (1)
- ข่าวทั่วไทย ซวดๆแหน่จ้า...เจ้าหน้าที่สายตรวจ (1)
- ข่าวทั่วไทย น้ำตาจะไหล ประกาศปรับขึ้น (1)
- ข่าวทั่วไทย ป ป ช.อุดรธานี (1)
- ข่าวทั่วไทย พิธีเปิดโครงการพัชรธรรม ภายใต้โครงการ (1)
- ข่าวทั่วไป บัตรคนจน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (1)
- ข่าวทั่วไปย อบจ.อุดรธานี หารือภาคีเครือข่าย (1)
- ข่าวทั่วไป เรือนจำกลางอุดรธานี เร่งบำบัด (1)
- ข่าวทั่วไป ศจพ.อำเภอโนนสะอาด เดินหน้าจัดประชุม (1)
- ผู้ใช้แรงงานส่องค่าแรงขั้นต่ำในอาเซียน
วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม 2565เมื่อ เวลา 09.30 ถึงเวลา 11.30 นอ นายวิมล สุระเสน นายอำเภอบ้านผือ พร้อมด้วยปลัดอาสุโสอำเภอบ้านผือ ปลัดอำเภอ และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี เขตอำเภอบ้านผือ ได้ออกเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบถุงยังชีพ พร้อมของใช้ที่จำเป็น เบื้องต้น จำนวน 38 ชุด ช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบวาตภัยจากเหตุลมพายุพัดเมื่อ
วันที่ 29 เมษายน 2565 เวลา 03.30 นอ ในพื้นที่ 4 ตำบล ได้แก่ตำบลเมืองพาน ตำบลจำปาโมง ตำบลบ้านผือ และตำบลหายโศก มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 38 ครัวเรือน ซึ่งทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดำเนินการสำรวจความเสียหายและอยู่ระหว่างเบิกจ่ายงบประมาณช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการแล้ว โดยมี ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมดำเนินการ
ข่าวแนะนำ
- ข่าวกรมศิลปากรจังหวัดเดียวที่มีมรดกโลก 2 แห่ง (1)
- ข่าวการเมืองบทบาทผู้ว่าฯ กทม (1)
- ข่าวเกษตรกรผลไม้ไทย (1)
- ข่าวท่องเที่ยวเปิดประตูสู่อีสาน เที่ยว 4 จังหวัด (1)
- ข่าวพายุฤดูร้อนลมแรงถล่มอำเภอบ้านผือ (1)
- ข่าวร้องทุกข์ (1)
- ฝึกอบรมป้องกันและแก้ไขปัญหา (1)
สาวผาตั้ง กลับมาเยี่ยมบ้าน โชคร้ายฝนตกถนนลื่น รถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า เจ็บ 5 เสียชีวิต 1 ราย
วันนี้ (30 เม.ย. 65) เวลา 06.40 น. พ.ต.ต.เนติพงษ์ จำนงนิตย์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย รับแจ้งอุบัติเหตุรถเก๋งชนเสาไฟฟ้า บนถนนมิตรภาพ (ท่าบ่อ-หนองสองห้อง) ฝั่งขาเข้าอำเภอท่าบ่อ บริเวณบ้านเดื่อ หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บและมีผู้เสียชีวิต หลังรับแจ้งได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย แพทย์เวรจากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ ,หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ ,หน่วยกู้ชีพองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเดื่อ ,หน่วยกู้ภัยร่วมใจอำเภอท่าบ่อ, หน่วยกู้ภัย 191 ,หน่วยกู้ภัยร่วมศรัทธาเวียงคุก, หน่วยกู้ภัยประจักษ์ ,หน่วยกู้ภัยประจักษ์จุดอำเภอโพธิ์ตาก พร้อมนำอุปกรณ์เครื่องตัดถ่างเนื่องจากมีผู้ที่ติดอยู่ภายในรถ
ที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง ยี่ห้อมาสด้า สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 8876 ฉะเชิงเทรา ชนอยู่กับเสาไฟฟ้าแรงสูง โดยสภาพด้านหน้ารถได้รับความเสียหาย ภายในรถมีผู้บาดเจ็บทั้งหมดภายในรถ 5 คน ทราบชื่อคือ
1.นางสาวฐิติมา ภูสมศรี อายุ 34 ปี ที่อยู่ 164 หมู่ 5 ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง (คนขับ)
2.นางสาวบัวแก้ว บุปผาลา อายุ 34 ปี ที่อยู่ 167 หมู่ที่ 5 ตำบลคำด้วง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง ที่ต้นขาซ้ายบวมช้ำ
3.นางสมจิตร์ ภูสมศรี อายุ 57 ปี ที่อยู่ 164 หมู่ที่ 5 ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย มีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง
4.ด.ช.ภาคิน ภูสมศรี อายุ 1 ปี 8 เดือน ที่อยู่ 164 หมู่ที่ 5 ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ร่างกายได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง เบื้องต้นแพทย์ตรวจสอบพบได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำเข้าห้องฉุกเฉินในทันที
5.ด.ญ.อายุประมาณ 6 ปี (ไม่ทราบชื่อนามสกุล) ได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายแห่ง
6.นายอดิศร ต๊ะหล้า อายุ 26 ปี ที่อยู่ 65/11 ตำบลหนองไผ่แก้ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี (เสียชีวิต) โดยมีแผลฉีกขาดที่บริเวณหน้าผากและขาซ้าย เสียชีวิตบริเวณเบาะข้างผู้ขับขี่ โดยร่างถูกบีบอัดจากแรงกระแทกติดอยู่ภายในรถเจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างออกมา
สอบถามนางสาวฐิติมา ภูสมศรี ผู้ขับขี่ทราบว่าตนเดินทางพร้อมครอบครัวมาจากจังหวัดชลบุรีเพื่อเดินทางกลับบ้านที่บ้านห้วยไซงัว ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย พอมาถึงที่เกิดเหตุจู่ๆรถได้เกิดเสียหลัก ลงข้างทางก่อนพุ่งชนที่เสาไฟฟ้า โดยทุกคนภายในรถบางคนก็หลับ ส่วนผู้เสียชีวิตคือนายอดิศร นั่งหลับอยู่ข้างๆตน ขณะที่ชนถูกแรงกระแทกอย่างรุนแรงทำให้เสียชีวิต ส่วนตนคาดเข็มขัดนิรภัยทำให้ได้รับบาดเจ็บไม่มาก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจที่เกิดเหตุอย่างละเอียด โดยสันนิษฐานสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุน่าจะมาจากสภาพถนนที่ลื่นเนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักคืนที่ผ่านมาทำให้รถเสียการควบคุม ซึ่งจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
กระบะขนกะหล่ำปลี ทำช่องลับ ยัดแรงงานพม่าอัดแน่นรถ หวิดขาดอากาศหายใจ
ตำรวจ สภ.พบพระ จังหวัดตาก สกัดจับรถกระบะคอกขนกะหล่ำปลี 2 คัน ดัดแปลงช่องลับ ซุกแรงงานชาวพม่า สภาพอัดแน่น หวิดขาดอากาศหายใจ
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 27 เมษายน 2565 พ.ต.อ.โอภาส คงเมือง รอง ผบก.ภ.จว.ตาก พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผกก.สภ.พบพระ สนธิกำลังฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ร่วมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัดตรวจค้นยานพาหนะที่จุดตรวจความมั่นคงบ้านห้วยนกแล ถนนสายแม่สอด-อุ้มผาง หมู่ที่ 9 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เพื่อสกัดตรวจจับการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
โดยเวลาต่อมา ได้มีรถยนต์กระบะจำนวนสองคันบรรทุกกะหล่ำปลี มาจนล้นคันรถ และขับติดตามกันมาด้วยความเร็วสูง จากอำเภอพบพระ มุ่งหน้าไปอำเภอแม่สอด และรถยนต์บรรทุกผักทั้งสองคันกำลังจะขับผ่านจุดตรวจบ้านห้วยนกแล เขตอำเภอพบพระ เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้รถทั้งสองคันหยุดเพื่อขอตรวจสอบ โดยการตรวจรถยนต์คันแรกเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิซิ สีขาว หมายเลขทะเบียน ผค-6490 เพชรบูรณ์ ด้านหลังรถบรรทุกกะหล่ำปลีมาจนล้นคัน โดยมีผ้าใบสีดำคลุมอย่างมิดชิดโดยมีนายกฤษณ ทองมาก อายุ 25 ปี และนางสาวปริญญา หงส์ทอง อายุ 26 ปี นั่งโดยสารมาด้วย โดยทั้งสองมีอาการส่อพิรุธ เหงื่อแตกตัวสั่นแบบผิดสังเกต เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวลงจากรถพร้อมเข้าตรวจภายในกระบะรถ และพบช่องลับขนาดเล็ก ตรวจพบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย สัญชาติเมียนมา จำนวน 7 คน นั่งเบียดเสียดกันในสภาพเหงื่อแตกจากอากาศหายใจที่มีน้อย
ส่วนรถยนต์กระบะอีกคัน เป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ผฉ-8782 นครสวรรค์ ด้านหลังบรรทุกกะหล่ำปลีมาจนเต็มคันรถ และมีผ้าใบปิดคลุมอย่างมิดชิด โดยมีนายสำเริง ทองมาก อายุ 56 ปีเป็นคนขับ และเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจที่ด้านท้ายกระบะรถ พบช่องลับพิเศษ ตรวจพบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายสัญชาติเมียนมา จำนวน 7 คน ซึ่งอยู่สภาพไม่แตกต่างกับรถคันแรก เจ้าหน้าที่จึงรีบช่วยเหลือนำตัวแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายทั้ง 14 คนที่กำลังหายใจยากลำบาก เนื่องจากหลบซ่อนตัวอยู่ในที่แคบและอยู่กับอากาศร้อนเป็นเวลานานออกจากช่องลับของรถยนต์ทั้งสองคัน พร้อมให้ความช่วยเหลือ มอบน้ำดื่มและนำตัวไปในพื้นที่อากาศที่ถ่ายเทจนแรงงานทั้ง 14 คนมีสภาพอาการที่ดีขึ้น ก่อนเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวแรงงานทั้งหมดและคนขับรถ พร้อมรถยนต์ของกลางนำไปสอบสวนขยายผลที่ สภ.พบพระ จังหวัดตาก
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสำเริง คนขับรถที่ถูกตรวจจับ ยอมรับเป็นคนขับรถขนแรงงานต่างด้าวจริง โดยรับแรงงานต่างด้าวทั้งหมดมาจากชายแดนอำเภอแม่สอด และนำมาหลบซ่อนตัวในช่องลับรถยนต์ที่ดัดแปลงมาเป็นพิเศษและนำกะหล่ำปลีไปวางทับอำพรางหลายชั้นแล้วคลุมผ้าใบสีดำอำพรางอีกชั้นอย่างแน่นหนา เพื่อให้ยากต่อการรื้อค้นตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ และได้รับค่าจ้างในการขนเที่ยวละ 6,000 บาท โดยจะส่งแรงงานชุดนี้ลงที่ตัวจังหวัดตาก จากนั้นจะมีกลุ่มขบวนการมารับขนส่งต่อไปอีกทอดหนึ่ง แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน
ส่วนแรงงานทั้งหมดต้องจ่ายค่านายหน้าเป็นเงินสูงถึงคนละ 30,000 บาท โดยมีจุดหมายปลายทางที่หัวเมืองชั้นในรอบกรุงเทพมหานคร
ขณะที่ พ.ต.อ.โอภาส คงเมือง รอง ผบก.ภ.จว.ตาก หัวหน้าชุดจับกุมกล่าวว่า การจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายในครั้งนี้ เป็นนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ที่มุ่งเน้นให้ป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจากแนวชายแดนเข้าหัวเมืองชั้นใน ซึ่งผลการจับกุมในครั้งนี้เจ้าหน้าที่คาดว่าทำเป็นขบวนการใหญ่ โดยกลุ่มขบวนการได้ใช้รถยนต์บรรทุกผักอำพราง ซึ่งการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามโดยเฉพาะการสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการกลุ่มนี้มานาน จนสามารถจับกุมได้ยกแก๊ง ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสามคน ซึ่งเป็นคนขับรถนำพาแรงงานผิดกฎหมายในครั้งนี้ไปดำเนินคดีในข้อหาช่วยเหลือซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ส่งตัวดำเนินคดีที่ สภ.พบพระ ส่วนแรงงานต่างด้าวทั้ง 14 คน ส่งตัวไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลการตรวจไม่พบผลแรงงานติดเชื้อโควิด-19 พร้อมส่งตัวไปดำเนินการตามกฎหมายพร้อมเร่งผลักดันออกนอกประเทศต่อไป